วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เงินเฟ้อติดลบต่ำสุดรอบ10ปีพลิ้วยังไม่'ฝืด'

"พาณิชย์" เปิดตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ยังติดลบ 4% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ต่ำสุดรอบ 10 ปีตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ท่องคาถาไม่เข้าขั้น "เงินฝืด" หอการค้าฯ แนะจับตา เผยส่งผลกำลังซื้อมีปัญหาในช่วงน้ำมันโลกขาขึ้น กมธ.แขวนงบธงฟ้า เหตุไร้แผนไม่มีความชัดเจน
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมิถุนายน 2552 ว่าเท่ากับ 104.7 โดยเมื่อเทียบเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาสูงขึ้น 0.4% และเทียบเดือน มิ.ย.ปีก่อน ลดลง 4.0% ทำให้เฉลี่ย 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลง 1.6%
โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนที่ติดลบ 4.0% เป็นอัตราลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สาเหตุสำคัญมาจากการลดลงของดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลงถึง 9.4% อาทิ หมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสารลดลง 17.5% หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนาลดลง 10% หมวดเคหสถานลดลง 5% หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าลดลง 3.8% ในขณะที่ดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนสาเหตุที่ดัชนีเฉลี่ยเทียบกับช่วงระยะ 6 เดือน ที่ลดลง 1.6% มาจากดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 7.6% เช่นกัน
"เงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ยังติดลบสูงถึง 4.0% ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และแม้จะติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 แต่ในทางเทคนิคยังไม่เป็นเงินฝืด เพราะทางทฤษฎีนอกจากเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 6 เดือนแล้ว ราคาสินค้าทุกชนิดต้องติดลบทั้งหมดด้วย แต่ขณะนี้สินค้าหลายรายการยังเป็นบวก จึงเรียกว่า Disinflation ไม่ใช่ Deflation อย่างไรก็ตาม หากเป็นเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน จึงจะน่าเป็นห่วง" นายศิริพลกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีเฉลี่ย 0-0.5% แม้เงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนติดลบ 1.6% แต่ปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดว่าจะเฉลี่ยที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ และราคาน้ำมันที่มีทิศทางปรับตัวขึ้น ทำให้แนวโน้มราคาสินค้าจะไม่ลดต่ำลงมาก โดยเงินเฟ้อตั้งแต่ ส.ค.จะค่อยๆ ปรับตัวเป็นบวก
ผศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังเห็นทิศทางเงินเฟ้อลดลง สะท้อนถึงการลดลงของความต้องการซื้อในเดือนที่ผ่านมาที่ยังติดลบ ทั้งการบริโภคภายในประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนที่ยังไม่มีในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้นจากความไม่เชื่อมั่น ประกอบกับปัญหาการส่งออกทำให้กำลังซื้อต่อเนื่องหดตัวตาม รวมทั้งปัจจัยราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงทำให้แรงงานในภาคเกษตรที่มีสัดส่วนมากถึง 40% กำลังซื้อลดลงตาม
"เดิมคิดว่าราคาน้ำมันแพงขึ้นจะทำให้ต้นทุนผลิตสูงขึ้น แต่เมื่อผลเงินเฟ้อออกมาเช่นนี้ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ยิ่งทำให้กำลังซื้อประชาชนลดลง" ผศ.ดร.เสาวณีย์กล่าว และว่า ต้องจับตาอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจากนี้ ว่าจะติดลบต่อเนื่องเกิน 6 เดือนหรือไม่ เพราะหลักการเกิดเงินฝืดต้องเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบมากกว่า 6 เดือน
เธอระบุว่า สัญญาณเดือนหน้าแม้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ก็มีปัจจัยที่เป็นบวกทั้งความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ดีขึ้นจากการเผยแพร่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และแผนการใช้งบประมาณของรัฐบาลที่จะช่วยเรื่องการลงทุนภาครัฐ ซึ่งหากทั้งสองส่วนดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจดีขึ้น ราคาสินค้าไม่ลดลงไปมากกว่านี้ ความเชื่อมั่นการใช้จ่ายจะดีขึ้น การติดลบของเงินเฟ้ออาจคลี่คลายลงได้
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นประธานที่ประชุม โดยได้พิจารณางบของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่ง กมธ.ส่วนใหญ่ตั้งข้อซักถามถึงงบที่ตั้งไว้สำหรับดูแลราคาสินค้า โดยเฉพาะโครงการธงฟ้า ว่าลงในจังหวัดใดบ้างอย่างไร ใช้หลักเกณฑ์ใดในการพิจารณา รวมถึงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตรต่างๆ
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า ปัจจุบันยังไม่ฟันธงว่าระหว่างประกันราคากับการค้ำประกันอะไรจะดีกว่ากัน เหมือนกับภริยากับน้องภริยาใครจะดีกว่า เพราะแรกๆ ภริยาก็ดีกว่า แต่ตอนหลังน้องภริยาคงดีกว่าแน่
การชี้แจงของนายยรรยง ทำให้นางผุสดี ตามไท ส.ส.สัดส่วน กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิทันทีว่า ไม่ชอบเลยที่เอาเพศแม่มาเทียบเล่น ทั้งที่สังคมกำลังมีปัญหานี้อยู่ จึงไม่ทราบว่าผู้พูดอยู่ในฐานะอะไรไม่ทราบที่มาเปรียบเปรยภริยาและน้องภริยาว่าเป็นคนคนเดียวกัน
ในขณะที่นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา กมธ.จากพรรคเพื่อไทย ได้ขอแขวนงบธงฟ้า 85 ล้านบาทก่อน โดยให้เหตุผลว่าไม่มีการเสนอแผนงานว่าจะจัดในที่ใด และอย่างไรบ้าง
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี กมธ.พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ซักถามถึงตัวเลขการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีตัวเลขเกินจริงจนทำให้มีการลักลอบนำข้าวโพดจากต่างประเทศเข้ามาแฝงเพื่อสวมสิทธิ์
นายยรรยงชี้แจงว่า กรมการค้าภายในได้จำกัดการขนย้ายข้าวโพดในปริมาณที่เกิน 1 พันกิโลกรัมจะเข้า-ออกประเทศต้องได้รับการอนุญาตก่อนเท่านั้น ซึ่งก็ได้ผลในการสกัดกั้นพอสมควร แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการนำข้าวโพดจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิ์จริง ซึ่งรัฐกำลังพยายามสกัดกั้นอยู่
ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้แขวนงบโครงการธงฟ้าไปก่อน เพื่อให้คณะอนุ กมธ.ไปพิจารณารายละเอียดเพื่อให้กรมการค้าภายในนำเสนอแผนงานที่ชัดเจนก่อน
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาต่อในส่วนของงบประมาณกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก กมธ.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ซักถามว่าในแต่ละปีต้องเสียค่าทรัพย์สินทางปัญญาให้กับต่างชาติเป็นเงินจำนวนเท่าใด

นางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ชี้แจงว่า ในปี 2550 มีรายรับจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา 1,800 ล้านบาท แต่จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ ออกไป 79,000 ล้านบาท ทำให้ขาดดุลอยู่ 70,000 ล้านบาท.


http://www.thaipost.net/news/020709/7142