วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

รู้จักกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ของโลก A-2009 H1N1

27 เม.ย. ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศต่างพากันรายงานว่าที่กรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก ได้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 หรือที่เรียกว่าไข้หวัดหมู (Swine Flu) กำลัง ระบาดหนัก จนทำให้ขณะนี้มีต้องสงสัยติดเชื้อกว่า 2,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 168 ราย อีกทั้งเชื้อไข้หวัดดังกล่าวได้แพร่ระบาดไปยังประเทศใกล้เคียงอย่างสหรัฐ อเมริกา และต่อมาพบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อดังกล่าวในทวีปยุโรป รวมถึงในภูมิภาคเอเชียด้วย
ล่าสุดองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้องค์การอนามัยยังประกาศให้เรียกชื่อโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดA H1N1 แทนการเรียกว่า ไข้หวัดหมู
เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้สหรัฐ เรียกไข้หวัดสายพันธุ์ดังกล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1 เพื่อแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดจากหมู

รู้จักกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ของโลก

ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ กล่าวว่า ไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 นี้ มีลักษณะพันธุกรรมหรือยีน ที่ประกอบด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ได้แก่ เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และ เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย
โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ Antigenetic Shift โดยมีหมูที่เป็นพาหะนำโรค โดยการถูกเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ เข้าไปอยู่ในตัว ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา

หมูไม่เกี่ยว

น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดใหม่นี้ว่า แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดคือ ติดต่อจากคนสู่คน ดังนั้นการบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับ “ไข้หวัดนก” ที่เคยแพร่ระบาดในอดีต ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้นั้น จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ซึ่งถือว่ายังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก

อาการ

ผู้ ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน ทั้งนี้อาจจะพบว่าผู้ที่รับเชื้อจะแสดงอาการไม่รุนแรง
ใน กรณีที่ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรงและอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาหายได้ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย ทั้งนี้หากเป็นผู้สูงอายุหรือเด็กจะมีความเสี่ยงมากกว่า
ส่วนในกรณีที่มีอาการรุนแรง เกิดจากมีการอักเสบที่ปอด จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

การติดต่อ

การแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน คือ
1. แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน โดยที่เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย
2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัสร่างกาย เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา

การป้องกัน

1.ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันเวลาจาม
2.หมั่นล้างมือ
3.หากมีอาการ ไข้อย่างรุนแรง และไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด
4. หลีกเลี่ยงชุมชนแอดอัด และงดเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
5. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ


การรักษา

ในเอกสารเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ ที่กงสุลใหญ่ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ แสดงข้อมูลที่ระบุว่า สามารถใช้ยาชนิดเดียวกับยาไข้หวัดใหญ่ทั่วไปในการรักษาไข้หวัดชนิดเอ H1N1 ได้ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือ ทามิฟลู (Tamiflu) และยา zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น แต่ทั้งนี้ยาดังกล่าว ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้

ทั้งนี้มีรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผลการตรวจเชื้อไวรัสชนิดนี้พบว่าเชื้อดังกล่าวดื้อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine

อย่างไรก็ตาม WHO ออกมายอมรับว่า ยาทามิฟลูที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่เพียงพอต่อการับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเพิ่มมากขึ้น

มาตรการรับมือ(ทั่วโลก)

ในกรุงเม็กซิโก ซิติ ประเทศเม็กซิโก ขณะ นี้รัฐบาลได้ประกาศให้ธุรกิจร้านค้าและบริการที่ไม่มีส่วนสำคัญและจำเป็นต่อ ระบบเศรษฐกิจและความปลอดภัยของสาธารณชนปิดดำเนินการชั่วคราวระหว่างวันที่ 1-5 พ.ค. เพื่อหวังหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม
ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเม็กซิโกได้มีการแจกจ่ายยาต้านไวรัสหลายล้านชุดไปตามโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว

ด้านสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เรียกร้องสภาคองเกรสให้จัดสรรงบประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์โดยเร่งด่วน เพื่อใช้ในปฏิบัติการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009
ขณะที่ ธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างทวีปอเมริกา (ไอดีบี) ประกาศว่าจะอนุมัติเงินกู้ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (105,000 ล้านบาท) ให้กับเม็กซิโกเพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ H1N1 และวิกฤติเศรษฐกิจโลก

ส่วนกลุ่มประเทศในอเมริกาใต้ ประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนี้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขบราซิล ได้เพิ่มจุดตรวจเพื่อเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อเป็น 36 จุด จาก 20 จุด ขณะที่ตามสนามบินและท่าเรือมีการตรวจตราผู้โดยสารจากเม็กซิโก สหรัฐ และแคนาดา เป็นพิเศษ

ขณะที่รัฐบาลอียิปต์ แถลงว่า จะเริ่มฆ่าหมูทุกตัวในประเทศ ประมาณ 400,000 ตัว โดยให้เหตุผลว่าฟาร์มหมูในอียิปต์ไม่ถูกสุขอนามัย ซึ่งการประกาศดังกล่าว ทำให้องค์กรการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ออกมาระบุว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะโรคนี้ไม่ใช่ไข้หวัดหมู

สำหรับในภูมิภาคเอเชีย รัฐบาลประเทศต่างๆ ประกาศเตือนภัยระดับสูง โดยเฉพาะมาตรการตรวจคุมเข้มในภายในสนามบิน โดยการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ
ส่วนมาตรการการรักษาเบื้องต้นในหลายประเทศ มีการใช้มีการใช้ยาต้านไวรัส ทามิฟลู แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ไอ และปวดเมื่อยร่างกาย

สถานการณ์แพร่ระบาด

องค์การอนามัยโลก ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยการเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตที่รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นนอกประเทศเม็กซิโก

ส่วนในหลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ นิวซีแลนด์มีจำนวน 13 คน แคนาดา 19 คน อังกฤษ 5 คน สเปน 10 คน เยอรมนี 3 คน อิสราเอลและคอสตาริกาประเทศละ 2 คน เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และเปรู ประเทศละ 1 คน สหรัฐฯ อย่างน้อย 91 คนไม่นับรวมผู้เสียชีวิต 1 คน ขณะที่เม็กซิโกซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาด พบผู้เสียชีวิตแล้ว 168 คน ไม่ยืนยันอีก 8 คน

สถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย
ซึ่ง วันที่1 พ.ค. 52 นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าที่ประชุมศูนย์บัญชาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไข สถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ให้สรุปใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009H1N1 และมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อให้ง่ายแก่การสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่สาธารณะ
นอกจากนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน +3 ในวันที่ 7-8 พ. ค.นี้ โดยมีหลักใหญ่เรื่องการหารือเกี่ยวกับกรอบแนวนโยบายในการควบคุมป้องกันโรค ไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ ทั้งนี้ปัจจุบันคาดว่าอาเซียนมีการสำรองยายาโอเซลทามิเวียร์ไว้ ที่ประเทศสิงคโปร์ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเม็ด
ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในส่วนของไทยมีสต๊อกอยู่ประมาณ 5 ล้านเม็ด ขณะนี้กำลังให้องค์การเภสัชกรรมผลิตเพิ่มอีก 1 ล้านเม็ด เพื่อให้ได้ประมาณ 10 % ของประชากร
ส่วนนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสวุรรณภูมิ กล่าวถึงมาตราการป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่เชื้อสายเม็กซิโก ว่า ท่าอากาศยานจะดูแลเรื่องการติดตั้งเครื่องเทอรโมสแกนเนอร์ สำหรับเที่ยวบินจากประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนั้น ประเทศไทยเองไม่มีเที่ยวบินตรงจากประเทศเม็กซิโก ดังนั้นมาตราการเฝ้าระวังของเราจะเน้นไปยังสายการบินที่บินมาจากเมืองต่างๆ ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดดังกล่าว แต่ก็มีการการคาดว่า อีกประมาณ 12 สัปดาห์ โรคไข้หวัดสายพันธุ์นี้อาจมาถึงประเทศไทย ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวเป็นเพียงการคาดการณ์ไว้เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน เท่านั้น
ขณะ ที่ในวันที่ 1 พ.ค. เจ้าหน้าที่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้แจกหน้ากากอนามัยให้กับผู้ขับแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และผู้โดยสาร เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ดังกล่าว