วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

แนวทางภาษีที่ดินและมรดก

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ โฆษกกระทรวงการคลัง (นายสมชัย สัจจพงษ์) กล่าวว่าในเร็วๆ นี้ สศค.จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาร่างกฎหมายภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง และหากรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะผลักดันกฎหมายดังกล่าว เชื่อว่าจะสามารถเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรได้ภายใน ปีนี้ แต่การบังคับใช้กฎหมายจะต้องใช้เวลาอีก 2 ปี เนื่องจากมีขั้นตอนในการดำเนินการ รวมถึงต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หลักการเบื้องต้นสำหรับแนวทางการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้กำหนดไว้ 3 ประเภททรัพย์สิน คือ 1. ที่ดินในเชิงพาณิชย์ กำหนดเพดานจัดเก็บภาษีอัตรา 0.05% ของมูลค่าทรัพย์สิน 2. ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย อัตรา 0.1% 3. ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 0.05% โดยจะมีคณะกรรมการกลางประเมินอัตราภาษี โดยปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้ประเมินอัตราการเก็บภาษีทุก 4 ปี ร่างกฎหมายดังกล่าวจะมาทดแทนภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งยังไม่สามารถจัดเก็บได้เต็มที่ ฉะนั้นจึงไม่กระทบต่อรายได้ของท้องถิ่นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จัด เก็บภาษีโรงเรือนและบำรุงท้องที่ปีละ 19,000 ล้านบาท และยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งเกษตรกรที่มีที่ดินทำกินไม่มาก แต่จะมีผลเฉพาะผู้ที่มีความสามารถในการเสียภาษี เพราะการเก็บภาษีชนิดนี้จะคิดจากฐานราคาทรัพย์สินเป็นหลัก

ส่วนการเก็บภาษีมรดกนั้น ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาอาจยังไม่สามารถนำมาใช้ได้พร้อมกับภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากยังมีฝ่ายคัดค้านไม่สนับสนุนการเก็บภาษีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พร้อมที่จะทำประชาพิจารณ์เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและ ประชาชน
http://www.mof.go.th/Foc_news/foc.php